RSS

กินแหลก ณ เชียงใหม่

24 Mar

เขียนไว้เมือเดือนมีนาคม 2555

เผลอปากมันแผล็บเดียว สะสมเมนูอาหารนับพันๆรูป ยังสงสัยเหมือนกันว่ากินเข้าไปหมดได้ยังไงนะคนเรา กินแล้วกินเล่า ซ้ำไปซ้ำมา จนบางทีแทบจำไม่ได้ว่าจานนี้ท่านได้แต่ใดมา เพื่อเป็นการเตือนความจำ ความเมามันกับการแอ่วเหนือช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา ไช้ชวนชิมเลยขอสะสมเมนูจานเด็ดจากยอดดอยสู่ผืนดิน ริมทางเท้า มาบอกเล่าสู่กันกิน

ทานของสูง

เริ่มต้นจากการแวะทานอาหารจากบนยอดดอยอินทนนท์ เป็นร้านอาหารโครงการหลวงที่อยู่ในอาณาบริเวณของแปลงเกษตรที่รายล้อมไปด้วยต้นไม้ เทือกสวนไร่นาขั้นบันได วิวทิวทัศน์สวยมากครับ ร้านนี้ถูกปรับปรุงใหม่เพื่อให้รองรับนักท่องเที่ยวได้มากกว่าเดิม

ขอแนะนำเมนูเด็ดเป็ดอี้เหลียงอบกาแฟดอยคำ ซี่โครงหมูตุ๋นทานกับขนมปัง เมี่ยงปลาเทราท์ และเมนูผักสดสารพัดชนิด อ่านกันเต็มๆ ดูพรีวิวเมนูอื่นๆ กัน ได้ที่ลิงค์นี้ที่ผมอัพไว้ใน Wongnai ลืมบอกไปว่าราคาโดยเฉลี่ยตกประมาณ 80-150 บาทต่อจาน สั่งไปประมาณ 7-8 อย่างราคารวมอยู่ที่พันกว่าบาทเท่านั้นเอง คุ้มมาก+++

มาถึงที่นี่ทั้งทีอย่าลืมหาโอกาสชมนกชมไม้ ถ่ายภาพกับสวนดอก ถ้ายิ่งเป็นช่วงฤดูหนาว ช่วงที่ดอกไม้กำลังเบ่งบานแล้วด้วยล่ะก็จะสวยงามเป็นพิเศษ

เย็นตาโฟรสเด็ด

เข้ามาในตัวเมืองเชียงใหม่ ก็เลยแวะเติมพลังที่ซอยมูลเมือง 8 เป็นร้าน 2 ห้องแถวขายเย็นตาโฟลูกชิ้นปลา และเนื้อปลาลวกจิ้ม วันนั้นไดเอทก็เลยสั่งเกาเหลาโฟ ตามด้วยลูกชิ้นรวมมิตรทานกับผักลวก ตบท้ายด้วยน้ำแข็งใสใส่ไอสครีมวนิลาโปะหน้า อ่านรีวิวเพิ่มเติมได้ที่นี่เลยครับ

ถามว่าร้านนี้อร่อยมั๊ย จัดว่าอยู่ในระดับปานกลาง ร้านนี้เขามีดีที่ความสะอาดไม่ใส่ผงชูรส แม้จะอร่อยสู้เย็นตาโฟวัดแขกไม่ได้ แต่ก็ทำให้อิ่มไปได้อีกมื้อโดยไม่อึดอัด

แต่ถ้าคุณท่านทั้งหลายอยากกินเย็นตาโฟรสเด็ดกว่านี้แนะนำอีก 2 ร้านครับ ร้านแรกชื่อเย็นตาโฟศรีพิงค์  อยู่แถวช้างเผือก หรือที่สวนดอก บนถนนสุเทพ หลัง มช. ร้านนี้เกี๊ยวกรอบได้ใจจริงๆ อีกร้านคือร้านเย็นตาโฟสวนผัก อยู่ข้างๆ เซ็นทรัลแอร์พอร์ต ในบริเวณจะค่อนข้างร่มรื่น เขาแยกเป็นสองส่วนคือส่วนที่เน้นทานก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟ กับส่วนที่เป็นร้านอาหารบ้านสวนผัก เน้นขายอาหารเหนือพวกน้ำพริกหนุ่ม น้ำพริกอ่อง แกงฮังเล ผัดเห็ดหอม เห็ดโคนอะไรประมาณนี้ แต่ว่าสามารถสั่งเย็นตาโฟข้ามมาทานได้ ราคาจะแพงขึ้นมานิดเพราะอยู่ในสถานที่โอ่อ่ากว่า 2 ร้านแรก แต่รสชาติถือว่าไม่ผิดหวังครับ

ชิมกาแฟบนที่สูง

เบรคนี้ขอคั่นด้วยเมนูกาแฟพักท้องบ้างไรบ้าง อดกาแฟสตาร์บัคส์ ดอยช้าง มาจิบกาแฟโบราณกันที่แม่กำปอง สถานที่พักผ่อนหย่อนใจที่น้อยคนจะเดินทางมาถึง ลองจินตนาการถึงหมู่บ้านเล็กๆ บนเชิงเขา อากาศสดชื่นแจ่มใส มีน้ำตกไหลผ่านที่หลังบ้าน ชาวบ้านอัธยาศัยดี เจอหน้าต่างยิ้มและทักทายให้กัน นี่คือสเน่ห์ของแม่กำปองที่ยังคงดิบเหมือนปายเมื่อหลายปีก่อน

สถานที่นี้ดูเหมือนจะเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจของคนเมืองที่ไม่เคยเห็นวิวภูเขาเขียวชะอุ่มบนที่โล่งกว้าง เครื่องดื่มของร้านชมนก ชมไม้ นั้นมีหลากหลาก แนะนำให้ทานกาแฟที่ผลิตจากไร่ที่ อ.แม่กำปอง แม้รสชาติจะยังไม่จัดจ้านได้ที่ ก็ถือว่าซื้อวิวที่ร้านสตาร์บัคส์ก็เทียบไม่ได้ มองไปสุดลูกหูลูกตา นอนไกวเปลอ่านหนังสือ แทบอยากจะหยุดคืนวันแล้วมาใช้ชีวิตยามเกษียณที่นี่ให้มันรู้แล้วรู้รอดไป 555 (นี่ขนาดไม่ได้เมากาแฟนะ)

อาหารพื้นเมืองเหนือม่วนใจ๋

แวะมาเยือนเชียงใหม่หลายครั้ง เพื่อนๆ พี่ๆชอบพาเราไปทานอาหารแปลกๆ ใหม่ๆ ส่วนใหญ่เป็นร้านเก่าแก่ค่อนข้างดัง เช่น กาแล ผาลาดตะวันรอน คุ้มขันโตก ศูนย์วัฒนธรรมเชียงใหม่ แสนคำเทอเรซ ข้าวเม่าข้าวฟ่าง เฮือนสุนทรีย์ แต่เรากลับชอบร้านเล็กๆ อย่าง ข้าวซอยเสมอใจ เฮือนเพ็ญ อะไรประมาณนี้ หาของทานอร่อยๆ ในเชียงใหม่ได้จากเวบนี้ครับ

มีอยู่ร้านนึงที่คนพูดถึงกันหนาหูแต่ยังไม่เคยไปคือ ร้านต๋องอยู่ในซอยนิมมาน 13

อย่างน้อยในทริปนี้เราก็ได้มาเยือนอีกร้านนึงที่เรียกได้ว่าอร่อยไม่แพ้กัน ที่สำคัญถูกอีกต่างห่าง เฮือนใจ๋ยอง อยู่ กม. 9 สันกำแพง ก่อนถึงแยกบ่อสร้าง เป็นร้านอาหารพื้นเมืองชาวเหนือ ที่มีวิธีสั่งอาหารเหมือนร้านก๋วยเตี๋ยว คือให้ติ๊กลงในช่อง อยากทานอะไรก็ติ๊กลงไป รวดเร็วต่อการสั่งและการเสิร์ฟ ราคาตกอยู่ประมาณ 35-80 บาทต่อจาน นับว่าถูกมาก เมนูเด็ดได้แก่ เชียงดาผัดไข่ แกงขนุน กังฮังเล ผักกาดจอ แกงผักหวาน น้ำพริกมะเขือเผา ยิ่งได้ทานกับข้าวเหนียวกล้อง กับฟักทองนึ่ง โอโหอร่อยจัง กระเป๋าตังค์ไม่รั่ว ถ้าใครยังไม่เคยมาทานที่นี่ ไช้ชวนชิมแนะนำเป็นอย่างย่ิง ให้  5 ดาวไปเลยสำหรับความคุ้มค่า ทั้งรสชาติอาหารและราคาสมเหตุสมผลมาก

ของหวานรอบดึกสำหรับคนคึกคักยามค่ำคืน

กินเข้าไปจนจุก อาหารยงอาหารเย็นเลยขอข้ามไป แต่แวะมาเติมไขมันเข้าไปอีกด้วยโรตี ชาชักของกู เปล่าพูดคำหยาบนะคร้าบ มันเป็นชื่อร้าน มันเรื่องของกู เข้าใจมั๊ย

ใครๆ ก็รู้ว่าถนนนิมมานเป็นเวทีปราบเซียนของเหล่าร้านชากาแฟทั้งหลาย เพราะมันมีแทบทุกยี่ห้อ ตั้งแต่ สตาร์บัคส์ วาวี ดอยช้าง แบลคแคนยอน ไม่นับกาแฟท้องถิ่นอีกนาๆ ชนิด แต่ร้านกูเขาไม่ได้มีดีที่ชาชักและกาแฟอย่างเดียว เขาเสิร์ฟพร้อมโรตีที่อร่อยเด็ด แถมยังตั้งชื่อได้ยียวนกวนโอ๊ยอีกด้วย ก็แน่ละสิมันเป็นเรื่องของกู มึงคงไม่เกี่ยว (อุ๊บส์)

หลังจากพินิจพิเคราะห์เมนูที่มีให้เลือกเป็น 100 (ไม่รู้จะเยอะไปไหน) สุดท้ายมาจบลงที่เมนูที่มีชื่อแปลกชวนน่าลิ้มลอง วันนั้นเราสั่งโรตีทิชชู่ไป (แป้งมันบางกรอบ หอมมันอร่อยจนหยุดไม่ได้) และโรตีสาวน้อย (อุดมไปด้วยแป้งนมและไข่ เหมาะทานกับซ้อสแม็กกี้พริกไทย หรือไม่ก็ Ketchup) ส่วนเครื่องดื่่มก็มีให้เลือกเยอะจนตาลาย แต่ไม่กล้าสั่งนมชมพู กลัวจะหาว่าทะลึ่ง 555 ถัดไปไม่กี่ซอย ยังมีอีกร้านที่คนนิยมไปนั่งทานชิลล์ๆกันคือ มนต์นมสม อยู่ระหว่างซอย 4 และ 6 และร้าน Mont Blanc ตั้งอยู่แถวนิมมาน 2 เค้กเขาน่าเย้ายวนมาก แต่ถ้าใครเป็นขาเก๋คงยังติดอกติดใจกับเค้กหรูในบ้านอย่าง Love at First Bite หรือร้านชาสุดหรูริมน้ำปิง เวียงจุมออน แต่ถ้าอยากไฮโซมากไปกว่านั้นต้องแวะไปที่ Oriental Shop ที่ดาราเทวี (ได้ยินมาว่าราคาไม่แพงอย่างที่คิด ยังไม่ได้ไปชิมด้วยตนเอง แต่ไปเชียงใหม่คราวหน้า ต้องแอบดอดไปกิน High Tea ที่นั่นให้ได้)

มื้อเที่ยงที่ม่อนแจ่ม

เสร็จจากภาระกิจเก็บสตรอเบอร์รี่ไร่นภ-ภูผา แถวสะเมิงแล้ว เราก็ขับรถต่อขึ้นมาเพื่อมาชมวิวทิวทัศน์กันที่ม่อนแจ่ม น่าเสียดายที่วิวทิวทัศน์จากที่เคยเห็นว่าสวยงามนักหนา ตอนนี้มันโล่งเตียน ต้นไม้แห้งกรอบ ท้องฟ้าปกคลุมไปด้วยควัน(ไม่ใช่หมอกอย่างที่กล่าวอ้าง) แต่ถึงยังไงก็ดีก็มาถึงแล้ว เลยขอนั่งจับเจ่าโซ้ยอาหารกลางวันกันกลางกระต๊อบริมชายเขา

แม้อากาศจะร้อนไปนิดแต่เราก็ไม่หวั่นแม้ทุกวันจะทานมาก อาหารเด็ดที่นี่ได้แก่ ต้มยำหมูกรอบ ขาหมู ยอดฟักแม้วผัด ยำมะเขือเผา ยังมีเมนูเด็ดอีกหลายที่ไม่ได้ทาน ให้ดูที่นี่เลย เห็นแล้วน้ำลายสอมากๆ 

ที่แน่ๆ งานนี้คงต้องมีสอบซ่อม เพราะวิวที่เราเคยเห็นมันสวยกว่านี้มาก อุตส่าห์ขับรถขึ้นดอยมาไกลขนาดนี้ มันควรจะได้สูดอากาศสดชื่นให้เต็มปอด คราวหน้าถ้าไม่พลาดคงได้เก็บเมนูเด็ดกับภาพสวยๆ มาอวดกัน

นั่งจิบชากาแฟชิลล์ยามบ่าย

นี่ก็เป็นอีกสถานที่ๆ คุณไม่ควรพลาด ชากาแฟกินที่ไหนก็ได้ แต่ต้องเป็นกาแฟวาวีสาขานี้ที่แม่ริม เพราะร้านมันเก๋ มีรสนิยม ตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกันกับ Tita Gallery และอยู่ไม่ห่างจาก โรงแรม Four Seasons เท่าไหร่

อยากรู้ว่าสถานที่หน้าตาเป็นอย่างไร ให้พรีวิวดูได้ที่นี่เลยครับ เมนูกาแฟวาวีก็คงจะเหมือนๆ กันทุกที่ แต่หลายคนตั้งใจจะจงใจขับผ่านเพื่อมานั่งจุมปุ๊กอยู่ที่นี่กันนานสองนาน บางคนทั้งกิน ทั้งชิม ทั้งถ่าย(รูป) ไปพร้อมๆ กัน เผลอแป๊บเดียว อาจหมดเวลาไปแล้วครึ่งค่อนวัน

เมนูของหวานที่นี่ผมแนะนำ Apple Strudel, Tiramisu, Blueberry Cheese Cake นี่เราคงไม่ได้มาจ่ายค่ากินกาแฟอย่างเดียว เพราะรวมบิลแล้วก็หลายตังก์อยู่ แต่สำหรับคนที่ชอบอ้อยอิ่ง ชื่นชมธรรมชาติและงานศิลปะ วาวีสาขานี้ถือว่าตอบโจทย์คนเมืองที่บ้าเห่อสถานที่ๆ ดูแปลกตาไปกว่าร้านกาแฟแถวบ้าน อิอิ

ของบนดินที่คุ้นลิ้นแบบไม่ธรรมดา

กินของสูงมากันเยอะแล้ว เดี๋ยวจะหาว่าไช้ชวนชิม ชวนแต่เสียตังค์กินของแพง มื้อนี้เลยขอเป็นเจ้าภาพเลี้ยงไส้กรอกคุณยาย ขายอยู่ข้างถนนนิมมาน ซอย 7

สังเกตง่ายๆ ด้วยการหาร้าน Mont Blanc สาขาหน้าถนนนิมมานให้เจอ รถเข็นเจ้านี้ไม่จอดริมทางเท้าหน้าร้าน ก็จะจอดข้างทางหน้าปากซอย

เห็นธรรมดาอย่างนี้ คนต่อแถวกินกันเยอะมากนะขอรับ เชื่อหรือไม่ว่าในช่วงพีค การซื้อไส้กรอกให้สำเร็จต้องหยิบบัตรคิวกันทีเดียว ถ้าสั่งไส้กรอกธรรมดา หนึ่งไม้จะมี 2 ดุ้นราคาเพียง 10 บาทเท่านั้น ทานกับขิงดองและผักกะหล่ำ แค่นี้ก็อิ่มแปล้แล้ว

ตอนแรกว่าจะงาบแค่ 1 ไม้ พอสะกิดท้อง แต่มันอร่อยจนหยุดไม่ได้ง่ะ ต้องสั่งเพิ่ม ณ บัดนาว

ล้างปากด้วยชาไข่มุกปิดท้าย

ร้านชานมไข่มุกน้องใหม่ Bubble Tea @Nimman แฟรนไชส์สูตรมาจากไต้หวัน ตั้งอยู่บนนถนนนิมมาน เยื้องๆ กับร้าน Salad Concept

ช่วยกันไปอุดหนุนนะครับ (ของเพื่อนผมเอง) ราคาเพียงแก้วละ 35 บาทเท่านั้น

อิ่มแปล้มาตลอด 3-4 วันกับ 9 ร้านที่ไช้ชวนชิม แวะกินข้างทาง หวังว่าเพื่อนๆ จะอิ่มอร่อยกันไปตามๆ กัน อย่าลืมนะครับ ถ้าอยากติดตามเจาะร้านเด็ดในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล อย่าลืมเข้าไป check-in อ่านรีวิวของ @chaichuanchim ได้ที่ http://www.wongnai.com ครับ

เขียนไว้ตอนปลายเดือนมิถุนายน 2555

มาเขียนต่อความอร่อยกันอีกครั้งกับทริปกินแหลกที่เชียงใหม่เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ต้องสารภาพว่ามีร้านเด็ดใหม่ๆ มานำเสนอเป็นล๊อตที่ 2 และคิดว่าอาจจะมี 3, 4 และ 5 ตามมาหากได้กลับมาเชียงใหม่อีก ขนาดกินไม่ซ้ำร้านแล้ว กิน กินเท่าไหร่ก็ไม่หมดซะที เบื่อหน่ายตัวเอง เรามันปากไม่ดี กินยังไงก็ไม่จนตรอก อาฮ่า (ถ้าใครจำทำนองเพลงนี้ แสดงว่าเราเกิดรุ่นเดียวกัน 555)

เปิบอาหารข้าวแกงพื้นเมืองแบบงงๆ

ประเดิมร้านแรกกับร้านอาหารสุดแนว โดยมี อจ.บอม เป็นคนพามา ร้านนี้ตั้งอยู่ข้างโรงหนังแก้วนวรัฐราม่า ตกแต่งร้านได้ย้อนยุคมาก ทำทีเหมือนจะเป็นร้านโชวห่วยบวกกับร้านโกปี้สมัยก่อน สินค้าบางชนิดอย่าว่าแต่จะไม่มีขายเลย อาจหาดูไม่ได้ที่ไหนแล้วด้วย เช่นผงซักฟอกเปาบุ้นจิ้น สินไทย แป้งเด็กน่ารัก มองเล่ย่ะ โคโดโม หิมาลายา และตาบู กางเกงในแอปเปิ้ล เครื่องดื่มคิกคาปู้ เรียกได้ว่าเป็นพิพิธภัณฑ์สินค้าไทยโบราณก็ว่าได้ เอ้อลืมพูดถึงอาหาร สั่งได้ที่หน้าตู้กับข้าว ไม่ว่าจะเป็น น้ำพริกอ่อง มะเขือผัด ส้มตำ แกงฮังเล อะไรประมาณนี้ เสิร์ฟใส่จานสังกะสีเคลือบสีขาว ขาดแต่ช้อนยังเป็นสแตนเลส ถ้าเป็นช้อนสังกะสีสีฟ้าเขียวจะเข้ากันมากๆ ราคาก็ย่อมเยาเป็นกันเอง คนส่วนใหญ่มาทานที่นี่ก็เน้นถ่ายรูปกันแหละ อาหารก็ไม่ได้อร่อยสุดยอด แต่ก็ถือว่าทานได้แบบขำๆ เพลินดีครับ ถ้าอยากลองไปแวะดู ให้ตามไปที่ลิงค์นี้ได้เลยครับ

ทานอาหารญี่ปุ่นแบบบ้านๆ กันดูบ้าง

ร้านนี้ตั้งอยู่ในซอยนิมมาน 1 (ถ้าจำไม่ผิด) สังเกตง่ายๆ หน้าปากซอยจะมีร้านชากูอยู่ เดินเข้ามาไม่ถึง 100 เมตรจะเจอร้านเล็กอาหารญี่ปุ่นเล็กๆ ซ่อนตัวอยู่ฝั่งขวามือ เป็นห้องแถวเดียว ไม่ตกแต่งประดับประดาอะไรมากมาย เสิร์ฟอาหารญี่ปุ่นง่ายๆ เมนูไม่เยอะมาก วันนั้นสั่งสลัดที่เล็กไป มีเบอร์เกอร์หมู เห็ดเข็มทองพันเบคอน เป็นอาหารรองท้อง ต่อด้วยข้าวหน้าปลาซันมะ เพิ่งเคยได้ยินชื่อครั้งแรกในชีวิต ไปเสิร์ชในกูเกิ้ลดูเขาบอกว่าเป็นปลาดาบที่อาศัยอยู่ในทะเลน้ำเย็น จานนี้ถือว่าเด็ดสุดนะ รสชาติเหมือนปลาซาบะกับปลาไหลผสมกัน จะว่าไปแล้วร้านนี้เหมาะกับทานอาหารกลางวัน เพราะนั่งกินอิ่มแล้วไป ไม่เน้นนั่งกินลมชมวิวสักเท่าไหร่

ชิมอาหารฝรั่งไซส์มินิกัน

ในคืนเดียวกันแวะมากินอาหารอิตาเลียนกันต่อที่ร้าน Cafe Mini ร้านนี้หาไม่ยากหรอกเพราะอยู่เยื้องๆ กับ Monkey เอง (อย่าบอกนะว่าไม่รู้จักอ่ะ)

แม้ร้านนี้จะได้เปรียบเรื่องทำเลที่ตั้งเนื่องจากอยู่ใกล้แหล่งชุมชนคนราตรี แต่หารู้ไม่ว่าอาหารที่ต้องละเมียดกินอาจไม่เหมาะกับคนที่นิยมกรอกน้ำข้าวเข้าปาก

คอนเซปต์ร้านนี้คือทุกอย่างจะดูมินิไปหมด ทั้งถ้วยชามจานภาชนะต่างๆ ตลอดจนปริมาณอาหารก็พาลน้อยไปด้วย ข้อดีคือทำให้กินได้หลายๆ อย่าง ข้อเสียคือมันเปลืองกินเท่าไหร่ก็ไม่อิ่มซะที วันนั้นกินกัน 4-5 คนสั่งไป 5-6 อย่าง (ถ้าไม่กินอาหารญี่ปุ่นกันมาก่อน มีหวังต้องฟาดไปไม่ต่ำกว่า 10 จานแน่ๆ) เมนูของที่นี่ที่ผมทานแล้วโดนคือ หอยแมงภู่อบชีสราดซอสคาโบนารา เป็นการฟิวชั่นได้เมพขิงๆ ส่วนสลัด และสปาเกตตี้ก็พอทานได้นะครับ คราวหน้าลองแวะไปทานดูนะครับ แปลกที่ตรงขายไอเดียนี่แหละ อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับร้านนี้ได้ที่นี่เลยครับ

คนกินไก่

ได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้างกันมานานนมว่าไก่ทอดเที่ยงคืน มันอร่อยนักอร่อยหนา เปิดขายตอน 5 ทุ่มถึงเที่ยงคืน อยู่แถวย่านไนท์บาร์ซ่าอยู่เยื้องๆกับ รร.อิมพีเรียลแม่ปิง บิวด์กันมาซะขนาดนี้ แต่ว่าผมไม่ได้พาคุณมากินไก่ทอดเที่ยงคืนนะครับ เหตุผลแรกผมไม่ใช่นักเที่ยวยามราตรี และเหตุผลที่สำคัญไปกว่านั้นคือ ตอนนั้นหิวมากเพราะเพิ่งนั่งรถกลับมาจากลำปาง ลำพูน คงไม่สามารถหิ้วท้องรอกินได้ดึกขนาดนั้น

ว่าแล้วผมก็เลยแอบถามคนท้องถิ่นว่า นอกจากไก่ทอดเที่ยงคืนแล้ว มีที่นี่ไหนเด็ดพอสูสีได้บ้าง สุดท้ายก็ได้คำตอบไปในทิศทางเดียวกันคือ “ไก่ทอด CM.ยู”

ร้านนี้เป็นร้านส้มทอด ไก่ทอด ขายอาหารพื้นเมืองตั้งอยู่ตรงข้ามกับคณะทันตแพทย์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ตอนนั้นได้เวลาเกือบ 2 ทุ่มแล้ว แม้จะหิวสุดๆ แต่ก็ห้ามใจตัวเองไว้ไม่ให้สั่งเยอะ เพราะว่ามีแผนจะไปกินต่อ (เยอะมะ) เลยสั่งไก่ทอด หมูทอด และส้มตำ มาลองชิมเรียกน้ำย่อยแค่ 3 จาน(ไม่รวมข้าวเหนียวอีกหนึ่งกระติ๊บ) ร้านนี้เขาเด่นเรื่องไก่ทอดสมชื่อ ไช้ชวนชิมชอบมากๆ เนื้อไก่นุ่ม หนังกรอบรสชาติไม่จืดจนเกินไป ทานกับแจ่ว โอโหแซบหลาย ส่วนหมูทอดนั้นไม่แนะนำ เพราะว่าเนื้อด้านและแห้งไปนิด ถ้าอยากกินจริงๆให้ทานหมูสามชั้นทอดแทน น่าจะเด็ดกว่ากันเยอะ อ่านรีวิวเพิ่มเติมเกี่ยวกับร้านนี้ได้ที่นี่ครับ

ร้านอาหารพื้นเมืองขึ้นชื่อที่นี่

น่าจะไม่มีใครไม่รู้จักร้าน “ต๋อง อาหารพื้นเมือง” ผมเองมาเชียงใหม่อยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่ได้มาเยือนร้านนี้ซักที เหมือนที่บอกไว้ในคราวที่แล้วว่า นอกจากเฮือนเพ็ญ (ที่คนกรุงเทพฯชอบไปทานแล้ว) ผมชอบเฮือนใจ๋ยองมาก รองลงมาคงจะเป็นร้านนี้ เขาขายอาหารพื้นเมืองก็จริง แต่บรรยากาศในร้านนั้นเหมือนนั่งอยู่ในสวน

ใช้เวลารอไม่นาน อาหารก็ถูกเสิร์ฟขึ้นโต๊ะ วันนั้นสั่งไปอีก 3 อย่างทานกันอยู่ 2 คน คำแรกๆ เรียกว่าทาน พอใกล้หมอเขาเรียกคะยอก เพราะข้าวเหนียวร้านที่แล้วเริ่มออกฤทธิ์ แต่ถึงยังไงก็ดีก็ถือว่ารสชาติอาหารที่ร้านนี้ใช้ได้ โดยเฉพาะหมูสามชั้นทอด ไข่เจียวลาบ (หรือไข่เจียวใส้อั่ว) ลองซักครั้งแล้วคุณจะติดใจครับ

รื่นรมย์ชวนชิมอาหารเพื่อสุขภาพ

ร้านคุญเชิญเป็นอีกร้านที่ดังพอสมควรในจังหวัดเชียงใหม่ โดยเฉพาะในหมู่คนที่ทานมังสวิรัติอยู่แล้ว

ร้านนี้ตั้งอยู่ในซอยนิมมาน 17 หน้าปากซอยมี ร้าน Salad Concept ส่วนตรงข้ามก็เป็นร้านคุณหมอคูชีน

วันที่ผมไปทานพอดีใกล้เที่ยง ก็เลยมีโอกาสได้ลองทานบุฟเฟต์มังสวิรัติดู ด้วยราคาเพียง 129 บาทน่าจะคุ้มกว่าทานอาหารจานเดี่ยวซึ่งตกต่อจานก็ 70-80 บาทแล้ว

อาหารมีค่อนข้างหลากหลาย ซุ้ม Salad Bar ผักสดก็สีสวยน่ากิน ยังมีมุมผักลวกจิ้มน้ำพริก ขนมจีน ข้าวซอย หมี่กะทิ และอื่นๆ อีกมากมาย น่าตื่นตาตื่นใจทีเดียว สำหรับคนรักสุขภาพลองมาทานที่นี่ดูนะครับ ถ้าเกิดติดใจคุณเชิญมีสาขาอยู่ในกรุงเทพฯ ด้วยนะครับ ลองค้นหาดู

ปิดท้ายรายการด้วยการดื่มด่ำแบบไฮโซ

พลาดไม่ได้นะครับ แม้จะไม่มีปัญญาพักในโรงแรมหรูอย่างดาราเทวี แต่เราก็สามารถมาจิบชากาแฟทานของหวานกันได้ที่นี่ครับ

แรกๆ คิดว่ามันจะแพงเวอร์ (มันก็แพงจริงๆ นะสำหรับคนท้องถิ่น) แต่ราคามันก็สูสีกับร้านขนมตามห้างในกรุงเทพฯ ถ้าเทียบกันแบบชิ้นต่อชิ้นแล้ว ต้องถือว่าเค้กและขนมของที่นี่นั้นเขาใช้วัตถุดิบและเครื่องที่ดีกว่าร้านโดยทั่วไปพอสมควร

ข่าวดีสำหรับคนกลัวกระเป๋าฉีก ช่วงนี้ Oriental Shop Dhara Dhevi เขาจะมีโปรโมชั่นสั่งขนมมาทานคู่กับชาหรือกาแฟชนิดใดก็ได้ในราคาเพียง 160 บาท เซ็ตนี้ถือว่าคุ้มมากเพราะปกติสั่งลาเต้ปั่นแก้วเดียวราคาก็อาจจะเกือบ 150 บาทแล้ว แต่นี่กลับได้ขนมหวานติดมาด้วย 1 ชิ้น ขนมที่ว่านี้ไม่สามารถเลือกได้นะครับ เพราะเขาจะเวียนนำขนมชนิดต่างๆ มาจัดทำเป็นโปรโมชั่น ถ้าใครไม่ทันสังเกตก็จะไม่รู้ว่า เค้กหรือขนมที่เขาเสิร์ฟนั้นจะมีขนาดเล็กว่าขนาดที่โชว์อยู่ในตู้ขายเล็กน้อยครับ

ถ้าคุณลองได้เดินผ่านตู้ขนมเหมือนผม คุณจะต้องร้อง ว้าว เพราะมันน่ากินมากครับ วันนั้นทานไป 2 ชนิด ผมชอบ apple tart ทานกับไอศครีมวนิลา เข้ากันมากๆ หากได้กลับมาเชียงใหม่อีกหน คงต้องมาเยือนที่นี่อีกเป็นแน่แท้

มารอบนี้แนะนำร้านอาหารเพิ่มไปอีก 7 ร้าน หวังว่าจะทำให้เสียงท้องคุณร้องดังได้ไม่มากก็น้อย คืนนี้ราตรีสวัสดิ์นะครับ


 
2 Comments

Posted by on March 24, 2012 in Experience, Food, Opinion, Travel, Uncategorized

 

Tags: , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , ,

2 responses to “กินแหลก ณ เชียงใหม่

  1. kamolbhorn

    March 25, 2012 at 3:12 pm

    Happy n enjoy reading seem liked been there.Thank for good article na ka

     

Leave a comment