โลกปัจจุบันนั้นเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว สินค้ามีอายุขัยสั้นลง คนมีความอดทนน้อยลง เทคโนโลยีทำให้ข้อมูลข่าวสารนั้นถูกแลกเปลี่ยนกันไปมาจนสับสนว่าอะไรคือเรื่องจริง อะไรคือดราม่า การสื่อสารการตลาดในยุคนี้จึงมีความท้าทายมากขึ้น โฆษณาถูกลดบทบาทลงไป เพราะคนเชื่อแหล่งข่าวที่มาจากเพื่อนฝูงซะมากกว่า การสื่อสารการตลาดในยุคนี้จึงเป็นแบบฟิวชั่น เน้นการดัดแปลงให้อร่อยถูกปากคนสมัยใหม่ (อ่านบทความฉบับเต็มได้ที่บล็อก www.somchartlee.com บ้านใหม่ของที่นี่มีเรื่องเล่านะครับ)
Tag Archives: marketing
Case Study: King Power – Shopping Spree
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มีโอกาสได้ไปร่วมงาน Delights & Surprises ของ King Power ที่ซอยรางน้ำ และได้ช้อปสินค้าไปมากมายจากงานนี้ เพราะว่าสินค้าแบรนด์เนมหลายยี่ห้อต่างพร้อมใจกันลดราคาพิเศษในรอบปีด้วยโปรโมชั่นโดนใจ ด้วยเหตุฉะนี้เอง จึงอดไม่ได้จะหยิบยกเคส King Power ขึ้นมาเป็นตัวอย่าง วิเคราะห์เจาะลึกกันว่า กลยุทธ์การทำ Sales Promotion ที่ได้ผลนั้นควรมีองค์ประกอบที่สำคัญอะไรบ้าง
แต่ก่อนที่จะพากันวิเคราะห์เจาะลึกเรื่อง Shopping ผมขอพาท่านเดินทัวร์งาน Annual Sales ครบรอบ 23 ปี King Power Downtown Complex ย่านซอยรางน้ำแห่งนี้กันซะหน่อยครับ
ในช่วงวันที่ 11-14 ตุลาคมที่ผ่านมา ถือเป็นงานสวรรค์แห่งนักช้อปเลยทีเดียว เพราะนอกจากแบรนด์ดังอย่าง Hugo Boss, Lacoste, Kipling, Sisley, Diesel, LeSportsac etc. จะยกทั้งร้านลดถึง 30% เราก็ยังแอบมีลุ้นเหมือนกันว่าแบรนด์ดังอย่าง Coach, Salvatore Ferragamo, Burberry, Bally, Dunhill, Longchamp จะมีลดบ้างไรบ้าง ถึงแม้จะไม่จัดหนักเหมือนแบรนด์ชุดแรก แต่ก็ถือว่าคุ้มมาก เพราะเมื่อซื้อครบทุก 10,000 บาท ยังมีสิทธิ์ลุ้นชิงโชค สะสมตัวอักษร King Power เพื่อใช้เป็นส่วนลดในครั้งต่อไป นี่ยังไม่นับถึงการสะสมยอดภายในวันครบ 25,000 บาท (สำหรับคนเกิดเดือนตุลาคม เพียงช้อปแค่ 15,000 บาทเท่านั้น) เพื่อรับกระเป๋า LCFC Travel Collection (หมดเขต 31 ตุลาคมนี้) รายละเอียดโปรโมชั่นในงานนั้นเยอะมาก จนจำแทบไม่หมด ไปดูที่นี่เลยละกันครับ (Delights & Surprises Promotion) แผนกที่คนเนืองแน่นสุดเห็นจะเป็นเครื่องสำอาง แย่งกันซื้อจนของหมดไปหลายรายการเลย น่ากลัวมากๆ (ในช่วง 11-14 เขามีโปรโมชั่นลด On top 5-10% จากมูลค่าตามหน้าบัตรสมาชิก)
ไม่น่าเชื่อว่าในวันงานผมใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 5 ชั่วโมงเพลิดเพลินไปกับเดินเข้าร้านโน้นออกร้านนี้ เหนื่อยก็พักชมเวทีกลาง ซึ่งมีศิลปิน นักแสดง นักร้อง ผลัดกันขึ้นมาสร้างเสียงฮือฮาได้ไม่ใช่น้อย ว่าแล้วก็แอบเก็บภาพมาอวดเพื่อนๆ กันครับ
Case Study: Nokair/JehJong – CEO Branding
ไม่ใช่ใครก็ได้ที่จะได้เป็น CEO และก็ไม่ใช่ CEO คนใดก็ได้ที่สามารถเป็น Brand Ambassador หรือทูตตราสินค้าให้กับองค์กรได้ดี หากเอ่ยนามชื่อบุคคลเหล่านี้ ผมเชื่อว่าทุกคนคงเคยได้ยินกิตติศัพท์หรือชื่อเสียงของเขาบ้าง ไม่ว่าจะเป็นเจ้าสัวอย่าง คุณธนินทร์ เจียรวนนท์, คุณเจริญ สิริวัฒนภักดี นางแบงก์อย่าง คุณบัณฑูร ล่ำซำ มหาเศรษฐีอย่าง คุณวิกรม กรมดิษฐ์ และ คุณกอบชัย จิราธิวัฒน์, นักสร้างปรากฏการณ์อย่าง คุณตัน ภาสกรนที, คุณปัญญา นิรัญกุล ผู้บริหารยุคใหม่อย่าง คุณโชค บูลกุล, คุณดนัย จันทร์เจ้าฉาย หรือจะเป็นนักธุรกิจหญิงระดับแถวหน้าอย่าง แพทย์หญิง นลินี ไพบูลย์, คุณกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูล, คุณชฎาทิพย์ จูตระกูล, คุณศุภลักษณ์ อัมพุช และ คุณกรรณิกา ชลิตอาภรณ์
เขาเหล่านี้เปรียบเสมือน Top of Mind CEOs ที่คนไทยนึกถึง การที่ผู้นำแถวหน้าจะก้าวมาถึงจุดนี้ได้ ผมคิดว่า CEOs เหล่านี้มักจะมีคุณสมบัติหลัก ๆ 3 ข้อที่ว่านี้คือ
1) Competency: มีความสามารถและผลงานโดดเด่น ที่ทำให้ผู้คนจับตามอง
2) Charisma: มีมาดนักบริหารที่พราวเสน่ห์ ทำให้ผู้คนติดตามอยากรู้เบื้องหลังความสำเร็จส่วนตัวและธุรกิจ
3) Consistency: ปรากฎตัวอยู่ในสื่อบ่อยจนคนจำได้
Read the rest of this entry »
การตลาด 3.0
ถ้าเปรียบเทียบการตลาดในยุคต่างๆ คือคลื่นสัญญาณโทรศัพท์มือถือ ผมขอยกตัวอย่างให้เห็นภาพชัดๆ ดังนี้ครับ
- การตลาดยุค 1.0 มันคือ คลื่น analog ที่เน้นสื่อสารด้วยเสียงและข้อความง่ายๆ ยุคนี้เป็นยุคทองของผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่าย เห็นได้จากโทรศัพท์มือถือรุ่นกระติกน้ำ ในยุคนั้นขายแพงเป็นบ้า ราคาร่วมแสนบาทก็ยังมีคนซื้อเอาไว้อวดคนอื่น สมัยนั้นใครทำสินค้าอะไรเจ๋งๆ ออกมาเรียกได้ว่าขายดีจนระเบิดระเบ้อไปเลย
- การตลาดยุค 2.0 เปรียบได้กับยุค 2G ที่คลื่น NMT กับ AMPS ถูกปรับให้เป็นคลื่น digital GSM ส่งสัญญาณได้เร็วและแรงยิ่งขึ้น ค่ายมือถือต่างเร่งพัฒนาการบริการออกมาใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนไป มีการใช้ SMS, MMS และ GPRS เพื่ออโหลดริงโทนและเข้าถึงหน้าเวบไซต์ผ่านทางโทรศัพท์มือถือมากขึ้น การตลาดยุคนี้จึงเป็นยุคทองของผู้บริโภคที่มีทางเลือกหลากหลาย สามารถเลือกซื้อสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์ความคุ้มค่าทั้งในด้านตัวเงินและความพึงพอใจ
- การตลาด 3.0 คือยุค 3G ที่กระแสการใช้ Social Networking นั้นแพร่หลายเป็นปรากฎการณ์ เราใช้โทรศัพท์มือถือเพื่อแช๊ต โหลดแอพ เล่นเกมส์ เช็คอีเมล์และเข้าถึงอินเทอร์เน็ตมากกว่าใช้พูดคุยกันตามปกติเสียอีก การตลาดยุคนี้จึงเป็นยุคสังคมนิยม ไม่ได้หมายถึงระบบการปกครอง แต่เป็นการรวมกลุ่มสร้างชุมชนเพื่อให้เกิดยอมรับในแวดวงสังคม ผู้บริโภคยุคนี้เอาใจยากเพราะเขาไม่ได้ต้องการแค่ซื้อสินค้าที่มีวางขายทั่วไป แต่เขาต้องการมีส่วนร่วม และรู้สึกว่าการบริโภคสินค้านั้นๆ มันแสดงออกถึงความเป็นตัวตนที่แท้จริงของเขา